FAA อนุมัติแล้ว
อุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งหมดที่ต้องการใช้งานบนเครื่องบินต้องได้รับการรับรองจาก FAA อุปกรณ์ดังกล่าวจะต้องมีฉลากรับรองจาก FAA ของสหรัฐฯ หรือผู้โดยสารจะต้องแสดงเอกสารการรับรองจากผู้ผลิตซึ่งมีการระบุว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับการรับรองจาก FAA อุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งหมดทำงานโดยแบตเตอรี่ (เซลล์แห้ง) โดยแบตเตอรี่จะต้องใช้งานได้เป็นระยะเวลา 1.5 เท่าของระยะเวลาการบิน
ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจต้องได้รับใบรับรองทางการแพทย์ล่วงหน้าก่อน และศูนย์การแพทย์ของสายการบินเอทิฮัดจะพิจารณาอนุม้ติเป็นรายกรณีไป หากได้รับอนุมัติแล้ว ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจะต้องเดินทางพร้อมกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในส่งตัวผู้ป่วยด้วยอากาศยาน
เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา
หากคุณต้องการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวบนเครื่องบิน คุณต้องแจ้งให้เราทราบก่อนที่เที่ยวบินของคุณจะออกเดินทางอย่างน้อย 72 ชั่วโมง
คุณจะต้องนำเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร (ใบรับรองแพทย์) ที่ลงชื่อโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาตติดตัวในวันเดินทางและต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่เช็คอินทราบก่อนเวลาเช็คอินเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงด้วย
ยี่ห้อที่ได้รับอนุญาต
ในปัจจุบันกรมการบินพลเรือนทั่วไปของ UAE อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ยี่ห้อต่อไปนี้บนเครื่องบินของเอทิฮัดได้
- AirSep Focus
- AirSep FreeStyle
- AirSep FreeStyle 5
- AirSep LifeStyle
- DeVilbiss Healthcare iGo
- Inogen One
- Inogen One G2
- Inogen One G3
- Inova Labs LifeChoice; or
- International Biophysics LifeChoice
- Inova Labs LifeChoice Activox
- Invacare XPO2
- Invacare XPO100
- Invacare Solo2
- Oxlife Independence Oxygen Concentrator
- Oxus Inc. RS-00400; or
- Delphi RS-00400
- Precision Medical EasyPulse
- Respironics EverGo
- Respironics Simply Go
- SeQual Eclipse
- SeQual SAROS
- SeQual Qxywell (model 4000)
- Sequal eQuinox (model 4000)
- VBOX Trooper
หมายเหตุสำคัญ
หากคุณมีอุปกรณ์ที่ FAA อนุมติแล้วและไม่มีในรายการข้างต้น คุณต้องแจ้งให้ทราบอย่างน้อย 120 ชั่วโมงก่อนเครื่องออกเดินทางและเตรียมเอกสารมาให้พร้อม
เมื่อนำเครื่องผลิตออกซิเจนส่วนตัวแบบใช้แบตเตอรี่ขึ้นเครื่องบินรวมกับสัมภาระอื่นและไม่ต้องการใช้งานในระหว่างเที่ยวบิน จะต้องถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่องและแยกเก็บไว้ต่างหาก เว้นแต่จะมีอุปกรณ์ป้องกันที่มีประสิทธิภาพสองชั้นเพื่อป้องกันการเปิดใช้งานเองโดยไม่ได้ตั้งใจในระหว่างการเดินทาง
การพกพาและการใช้งาน
ผู้โดยสารสามารถพกพาและใช้งานอุปกรณ์บนเครื่องบินได้ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- อุปกรณ์ดังกล่าวไม่รบกวนการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์นำทาง หรืออุปกรณ์สื่อสาร
- ไม่มีควันหรือเปลวไฟภายในระยะ 10 ฟุตจากแถวที่มีผู้ใช้เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา
- ขณะทื่เครื่องกำลังเคลื่อนที่ ขึ้นหรือลง อุปกรณ์ ต้อง
นำไปเก็บไว้ใต้ที่นั่งหน้าผู้ใช้ หรือสถานที่เก็บที่ได้รับอนุญาต เพื่อไม่ให้กีดขวางทางเดินบนเครื่อง
หากต้องการใช้งาน ให้ใช้ที่ที่นั่งตนเองที่ไม่ไปรบกวนผู้โดยสารคนอื่น หรือขัดกับเหตุฉุกเฉินหรือทางออกแบบปกติ หรือบนทางเดินบนเครื่อง - ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ใช้เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพานั่งที่แถวทางออก
- เมื่อนักบินสั่งปิดสัญญาณ "รัดเข็มขัดนิรภัย" หรืออนุญาตให้ผู้โดยสารเดินไปเดินมาในห้องโดยสารได้ ผู้โดยสารจะสามารถใช้งานเครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพาต่อได้
- ผู้ใช้เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพาต้องเข้าข่ายเงื่อนไขต่อไปนี้จึงจะสามารถใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวบนเครื่องบินได้
- ผู้ใช้จะต้องสามารถได้ยินสัญญาณเตือนของอุปกรณ์ สามารถเห็นแสงไฟเตือน และมีความสามารถในการตอบสนอง ต่อสัญญาณและแสงไฟเตือนต่างๆ หรือเดินทางกับผู้ที่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้
- ผู้ใช้จะต้องแน่ใจว่าเครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพาปราศจากน้ำมัน จาระบี หรือผลิตภัณฑ์ปิโตเลียมอื่นๆ และอยู่ในสภาพที่ไม่มีความเสียหายหรือมีร่องรอยความเสียหายที่มากเกินไป
- ผู้ใช้จะต้องแจ้งให้แผนกรับจองของเอทิฮัดทราบว่าต้องการใช้เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพาบนเครื่องบินและต้องอนุญาตให้ลูกเรือดูใบรับรองแพทย์ด้วย
- ผู้ที่ใช้เครื่องสร้างออกซิเจนแบบพกพาสามารถใช้โลชั่นหรือขึ้ผึ้งที่ใช้ได้กับออกซิเจนเท่านั้น
- ผู้ใช้ซึ่งใบรับรองแพทย์ระบุระยะเวลาการใช้ออกซิเจนจะต้องขอรับแผนการบินและระยะเวลาจากผู้ดำเนินการบิน ผู้ใช้ต้องนำแบตเตอรี่จำนวนเพียงพอที่จะใช้งานตามระยะเวลาที่ใบรับรองแพทย์กำหนดและต้องมีแบตเตอรี่สำรองเผื่อกรณีความล่าช้าที่ไม่ได้คาดไว้ก่อนด้วย
- ผู้ใช้จะต้องแน่ใจว่าแบตเตอรี่ของเครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพาที่นำติดตัวขึ้นเครื่องบินจะไม่ก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร และต้องหีบห่อในลักษณะที่ป้องกันการเกิดความเสียหาย การป้องกันแบตเตอรี่ไม่ให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรนั้นรวมถึง
การใช้แบตเตอรี่ที่ออกแบบให้ขั้วอยู่ลึกเข้าไปข้างใน
การหีบห่อที่ป้องกันไม่ให้ขั้วแบตเตอรี่สัมผัสกับสิ่งต่างๆ ที่เป็นโลหะ (รวมถึงขั้วของแบตเตอรี่ก้อนอื่นๆ ด้วย)
อุปกรณ์ควบคุมแรงดันอากาศอย่างต่อเนื่อง (CPAP/BIPAP)
การพกพาและการใช้ CPAP/BIPAP
ไม่จำเป็นต้องมีการขอใบรับรองแพทย์ก่อนเดินทาง
ผู้โดยสารสามารถพกพาและใช้งานอุปกรณ์บนเครื่องบินได้ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- อุปกรณ์ต้องมีฉลากรับรองจากผู้ผลิตว่าเป็นไปตามมาตรฐานข้อกำหนดของ
FAA สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าทางการแพทย์แบบพกพาหรือมีจดหมายรับรองมาตรฐานของ
FAA จากผู้ผลิต
- น้ำหนักและขนาดสูงสุด (กว้าง ยาว สูง) ของอุปกรณ์ที่ผู้โดยสารจะใช้ต้องไม่ใหญ่กว่าสัมภาระที่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องเพื่อไม่ให้กีดขวางทางเดินหรือทางเข้าที่นั่ง
- จะต้องใช้อุปกรณ์ ณ
บริเวณที่นั่งเท่านั้น โดยไม่วางกีดขวางทางออกปกติหรือทางออกฉุกเฉิน
และไม่กีดขวางบริเวณทางเดินผู้โดยสาร
และผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้นั่งที่แถวทางออก
เจ้าหน้าที่เช็คอินจะตรวจสอบอุปกรณ์ว่ามีสภาพตรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้หรือไม่
ข้อกำหนดสำหรับแบตเตอรี่:
คุณต้องตรวจสอบว่าอุปกรณ์ทั้งหมดทำงานโดยแบตเตอรี่และไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับเต้าเสียบของเครื่องบิน
หากอุปกรณ์ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมมากกว่า
100 วัตต์ต่อชั่วโมง แต่ไม่เกิน 160 วัตต์ต่อชั่วโมง คุณต้องส่งอีเมลไปที่ contactcentre@etihad.ae 48 ชั่วโมงล่วงหน้าเพื่อขอรับการอนุมัติก่อนออกเดินทาง
คุณต้องนำแบตเตอรี่ที่ชาร์จจนเต็มขึ้นเครื่อง
โดยแบตเตอรี่จะต้องเพียงพอต่อการชาร์จอุปกรณ์ได้ไม่น้อยกว่า 150% ของระยะเวลาการบินสูงสุดที่คาดไว้
คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่สำรองอยู่ในสัมภาระที่ถือขึ้นเครื่องเท่านั้น
แบตเตอรี่เหล่านี้ต้องเก็บแยกกันและต้องอยู่ในหีบห่อที่มีลักษณะดังนี้
- ป้องกันจากความเสียหาย (เช่น
เก็บแบตเตอรี่แต่ละอันไว้ในกระเป๋าที่ช่วยป้องกันความเสียหาย)
- หุ้มฉนวนบริเวณข้อต่อ (เช่น
เก็บไว้ในถุงกันกระแทกและ/หรือพันเทปบริเวณขั้วต่อที่โผล่ออกมา)
เมื่อนำอุปกรณ์ไฟฟ้าทางการแพทย์แบบใช้แบตเตอรี่ขึ้นเครื่องบินรวมกับสัมภาระอื่นและไม่ต้องการใช้งานในระหว่างเที่ยวบิน
จะต้องถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่องและแยกเก็บไว้ต่างหาก
เว้นแต่จะมีอุปกรณ์ป้องกันที่มีประสิทธิภาพสองชั้นเพื่อป้องกันการเปิดใช้งานเองโดยไม่ได้ตั้งใจในระหว่างการเดินทาง
อุปกรณ์การหายใจ และเครื่องช่วยหายใจ
ต้องมีการขอใบรับรองแพทย์ตามระบบ MEDIF ก่อนเดินทาง
หากคุณต้องการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวบนเครื่องบิน คุณต้องแจ้งให้เราทราบก่อนที่เที่ยวบินของคุณจะออกเดินทางอย่างน้อย 72 ชั่วโมง
ผู้โดยสารที่ต้องการใช้เครื่องช่วยหายใจจะได้รับการดูแลจากแพทย์หรือพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ ความเหมาะสมของพยาบาลหรือแพทย์ที่จะดูแล จะได้รับการประเมินโดยศูนย์การแพทย์ของสายการบินเอทิฮัดตามรายงานทางการแพทย์ที่ได้รับ
ต้องนำเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร (ใบรับรองแพทย์) ที่ลงชื่อโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาตมาในวันเดินทางด้วย รายงานกับโต๊ะเช็คอินหนึ่งชั่วโมงก่อนกำหนดการเช็คอินตามตาราง
ใบรับรองแพทย์ต้องระบุดังนี้
- ผู้ใช้เครื่องมือมีความสามารถทางกายภาพและการรับรู้ในด้านการมองเห็น ได้ยิน และเข้าใจคำเตือนต่างๆ ทั้งทางเสียงและการสายตา และสามารถดำเนินการตอบสนองได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องมีผู้ช่วยเหลือ
- ไม่ว่าจะจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนเพียงบางช่วงหรือตลอดการเดินทาง
- ระบุอัตราการไหลสูงสุดของออกซิเจนต่อความกดอากาศระดับต่างๆ ในห้องโดยสายของเครื่องบินภายใต้สภาพการใช้งานปกติ
การพกพาและการใช้งาน
ผู้โดยสารสามารถพกพาและใช้งานอุปกรณ์บนเครื่องบินได้ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- ในการพกพาอุปกรณ์การหายใจและเครื่องช่วยหายใจจะต้องได้รับใบรับรองแพทย์ทางระบบ MEDIF (ใบรับรองแพทย์เอทิฮัด)เป็นการล่วงหน้าก่อนเท่านั้น
- เครื่องช่วยหายใจ และอุปกรณ์ควบคุมแรงดันอากาศอย่างต่อเนื่องจะต้องมีฉลากรับรองจากผู้ผลิตว่ามีมาตรฐานตามข้อกำหนดของ FAA สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าทางการแพทย์แบบพกพา
- น้ำหนักและขนาดสูงสุด (กว้าง ยาว สูง) ของอุปกรณ์ที่ผู้โดยสารจะใช้จะต้องมีขนาดเหมาะสมกับการนำเข้าห้องโดยสาร สามารถเก็บไว้ใต้ที่นั่งหรือพื้นที่เก็บของเหนือศีรษะ หรือมีการป้องกันการเคลื่อนที่ไปทางด้านข้างหรือแนวขึ้นลง
- จะต้องใช้อุปกรณ์ ณ บริเวณที่นั่งเท่านั้น โดยไม่วางกีดขวางทางออกปกติหรือทางออกฉุกเฉิน และไม่กีดขวางบริเวณทางเดินผู้โดยสาร และผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้นั่งที่แถวทางออก
- ต้องนำแบตเตอรี่จำนวนที่เหมาะสมต่อการใช้งานติดตัวไปด้วย และต้องจัดเก็บแบตเตอรี่สำรองในบรรจุภัณฑ์ที่ตรงตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย
- เจ้าหน้าที่เช็คอินจะตรวจสอบอุปกรณ์ว่ามีสภาพตรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้หรือไม่